Site icon ThaiHiv365

โรคฝีมะม่วง..ภัยร้ายใกล้ตัว

โรคฝีมะม่วง ภัยร้ายใกล้ตัว

โรคฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum : LGV) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis bacterium) แบคทีเรียนี้จะผ่านเข้าสู่ผิวหนังทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศสืบพันธุ์หรือทวารหนัก ทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมโตติดกันเป็นก้อนฝีขนาดใหญ่ จะรู้สึกเจ็บปวดมากและเดินลำบาก โรคนี้ส่วนใหญ่มักพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง พวกรักร่วมเพศระหว่างชายกับชาย การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย และการมีคู่นอนหลายคน

การวินิจฉัยโรคฝีมะม่วง

การวินิจฉัยโรคฝีมะม่วง แพทย์จะตรวจร่างกาย รวมทั้งซักประวัติการรักษาและการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ป่วย การตรวจร่างกายจะช่วยวินิจฉัยความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย ดังนี้

สาเหตุของโรคฝีมะม่วง

โรคฝีมะม่วง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลามีเดียทราโคมาติส ชนิด L1, L2, L3 (Chlamydia Tracho matis L1-L3) ติดต่อโดยการร่วมเพศหรือสัมผัสถูกหนองของฝีมะม่วงโดยตรง ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคฝีมะม่วง คือ การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปลอดภัย โดยไม่สวมถุงยางอนามัยในขณะร่วมเพศทั้งทางปาก ทวารหนัก และช่องคลอด รวมไปถึงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย

ระยะฟักตัวของโรคฝีมะม่วง

โรคฝีมะม่วง มีระยะการฟักตัว ประมาณ 7-10 วัน หลังจากสัมผัสเชื้อ ส่วนการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองมักจะเกิดขึ้นประมาณ 10-30 วัน หลังจากสัมผัสเชื้อ

อาการของโรคฝีมะม่วง

อาการของโรคฝีมะม่วงแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1

ระยะที่ 2

ระยะที่ 3

ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อโรคฝีมะม่วง

ภาวะแทรกซ้อนของโรคฝีมะม่วง

การป้องกันโรคฝีมะม่วง

การรักษาโรคฝีมะม่วง

การรักษาด้วยยา แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วยโรคฝีมะม่วง เพื่อใช้รักษาการติดเชื้อและป้องกันเชื้อแบคทีเรียทำลายเนื้อเยื่อส่วนอื่น โดยยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาโรคฝีมะม่วง ประกอบด้วย

การผ่าตัด ผู้ป่วยโรคฝีมะม่วงที่เกิดก้อนฝีหรือต่อมน้ำเหลืองบวมโต อาจต้องเจาะผิวเอาของเหลวในฝีออกมา เพื่อบรรเทาอาการของโรคให้ทุเลาลง ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายที่ลำไส้ตรงตีบหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ อย่างรุนแรง จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด

ขอบคุณข้อมูล : Pobpad

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม

Exit mobile version